โรงแรมในอนาคตต้องปรับตัวอย่างมาก เนื่องจากปีก่อนๆเจอภาวะพิษเศรษฐกิจเข้าไป ธุรกิจโรงแรมต้องปรับเป็นอันดับต้นๆเลย คือ ด้านการออกแบบห้องพักและบริการ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนไป รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการและการให้บริการ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจโรงแรมอยู่รอดและเติบโตได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ในระยะยาวนั้นเอง

ธุรกิจโรงแรมที่น่าสนใจในปี 2024 ควรมีลักษณะดังนี้
โรงแรมที่มีพื้นที่และบริการรองรับการทำงานทางไกล (Remote Working)
- เนื่องจากเทรนด์ Workation มาแรง โรงแรมที่มีห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบให้เหมาะกับการทำงาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, พื้นที่ทำงานส่วนตัว, อุปกรณ์สำนักงาน, ห้องประชุมย่อย
- รวมถึงบริการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการทำงานนอกออฟฟิศ จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ทำงานได้ทุกที่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
โรงแรมที่เน้นการบริการแบบส่วนตัวและปลอดภัย
- หลังสถานการณ์โควิด-19 ความปลอดภัยด้านสุขอนามัยกลายเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกใช้บริการ ดังนั้นโรงแรมที่มีระบบป้องกันการแพร่เชื้อที่ได้มาตรฐาน มีมาตรการทำความสะอาดเข้มงวด
- และมีระบบบริการแบบลดการสัมผัส (Contactless Service) เช่น การเช็คอินผ่านระบบออนไลน์ การสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน การใช้ระบบควบคุมอุปกรณ์ในห้องอัตโนมัติ เป็นต้น ก็จะสามารถสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง
โรงแรมสำหรับกลุ่มครอบครัวหรือกลุ่มเล็กที่เน้นความเป็นส่วนตัว
- รูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนจากทัวร์ใหญ่ เป็นการเดินทางแบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนสนิทมากขึ้น โรงแรมที่มีห้องพักหรือวิลล่าส่วนตัวขนาดใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องครบครัน
- มีกิจกรรมสำหรับเด็ก หรือกิจกรรมยามว่างสำหรับทำร่วมกันเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน จะได้รับความนิยมมากขึ้นแน่นอน
โรงแรมที่มีจุดเด่นและบริการเฉพาะกลุ่ม
- เพื่อสร้างความแตกต่างท่ามกลางคู่แข่งจำนวนมาก โรงแรมหลายแห่งเริ่มมีการออกแบบคอนเซปต์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น โรงแรมเพื่อสุขภาพ โรงแรมสัตว์เลี้ยง โรงแรมธีมกีฬาหรือไลฟ์สไตล์ต่างๆ เป็นต้น
- ซึ่งต้องมีการออกแบบห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม
- และบริการต่างๆ ให้สอดคล้องกับคอนเซปต์ รวมถึงใช้ประโยชน์จากพาร์ทเนอร์ในการนำเสนอบริการเสริมที่เชื่อมโยงกัน เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้รับประสบการณ์ที่ตรงใจที่สุด
โรงแรมที่ปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
- การนำเทคโนโลยีอย่าง AI, Big Data, IoT เข้ามาประยุกต์ใช้ในธุรกิจโรงแรมอย่างครบวงจร จะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนการดำเนินงาน ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคลได้ดีขึ้น
- และที่สำคัญคือช่วยสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่น เชื่อมต่อ และเหนือระดับให้กับลูกค้า นับเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงนั่นเอง

แนวโน้มของอุตสาหกรรมโรงแรมในอนาคต
แนวโน้มที่ 1 คือ ความต้องการเข้าพักโรงแรมจะกลับมาเป็นปกติ
- เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการเข้าพักโรงแรมกลับมาอีกครั้ง
- ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการประชาสัมพันธ์และกระตุ้นการท่องเที่ยว
- การผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น
- รัฐบาลเจรจากับประเทศต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
แนวโน้มที่ 2 คือ โรงแรมต้องปรับตัวและสร้างคุณค่าใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
- กลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่ลดลง เปลี่ยนเป็นทัวร์เล็ก ทริปครอบครัว หรือส่วนตัวมากขึ้น
- โรงแรมที่มีบริการตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม จะเป็นที่สนใจของลูกค้ามากขึ้น
- โรงแรมต้องปรับบริการให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าประเภทต่างๆ เช่น
- จัดโซนอ่างอาบน้ำส่วนตัว
- เสิร์ฟอาหารมื้อเฉพาะสำหรับครอบครัวและเด็ก
- จัดอีเวนต์ย่อยๆ ให้เข้ากับประเภทของผู้เข้าพัก

แนวโน้มที่ 3 คือ เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญ ยกระดับการบริหารจัดการโรงแรม
- ทุกธุรกิจต่างปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล รวมถึงโรงแรมที่พร้อมปรับเปลี่ยนด้วย Digital Transformation
- เทคโนโลยีช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า และยังช่วยลดต้นทุนแรงงานของโรงแรมได้ด้วย
- นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการ เช่น
- ใช้ระบบ AI หรือ Virtual Concierge เป็นพนักงานต้อนรับ
- เช็คอินห้องพักด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟน
- ใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการภายในโรงแรม
แนวโน้มที่ 4 คือ การรักษามาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัย
- หลังสถานการณ์โควิด-19 ลูกค้าให้ความสำคัญกับความสะอาดและปลอดภัยมากขึ้น
- โรงแรมต้องยกระดับมาตรการสุขอนามัย ทำความสะอาดอย่างเข้มงวด และจัดพื้นที่ให้เว้นระยะห่าง
- การได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้น
- การสื่อสารมาตรการความปลอดภัยผ่านช่องทางต่างๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
แนวโน้มที่ 5 คือ ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม
- กระแสรักษ์โลกทำให้ลูกค้าหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชนมากขึ้น
- โรงแรมที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เช่น การประหยัดพลังงาน การลดขยะพลาสติก การใช้วัสดุรีไซเคิล ฯลฯ จะได้รับการยอมรับมากขึ้น
- การสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ก็จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับโรงแรม
- การสื่อสารแนวทางความยั่งยืนและกิจกรรม CSR ผ่านแคมเปญการตลาด เพื่อให้ลูกค้ารับรู้และเกิดการบอกต่อ
แนวโน้มที่ 6 คือ การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า
- ในยุคที่ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย การสร้างประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้าประทับใจ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรักษาลูกค้าและสร้างการบอกต่อ
- โรงแรมต้องออกแบบ Customer Journey ให้ราบรื่น และสอดแทรกจุดสัมผัสที่น่าประทับใจในทุกช่วงของการใช้บริการ
- การใช้ข้อมูลลูกค้า (Customer Data) มาวิเคราะห์เพื่อให้บริการที่เป็นเฉพาะบุคคล (Personalization)
- การสร้างกิจกรรมหรือเวิร์คช็อปที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและเรื่องราวท้องถิ่น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
สรุป
โดยสรุปแล้ว แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในอนาคตจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น มีความท้าทายใหม่ๆ ให้ต้องปรับตัวอยู่เสมอ ทั้งในแง่ของการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การรักษามาตรฐานความปลอดภัย การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมกับชุมชน ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้ลูกค้า ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมจำเป็นต้องวางกลยุทธ์และปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อความอยู่รอดและการเติบโตในระยะยาวนั่นเอง